Investing-currency-generator

ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลกระทบกับราคาหุ้น ,พันฐบัตรรัฐบาล ของสหรัฐ อเมริกา ,ราคาน้ำมันและทองคำ

1. ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น: เมื่อ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เงื่อนไขนี้ใช้กับสินเชื่อประเภทต่างๆ รวมถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต และสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การลดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

2. ผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถนำไปสู่การลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น บ้านและรถยนต์ เมื่อการกู้ยืมมีราคาแพงขึ้น บุคคลและครอบครัวอาจเลื่อนหรือลดการใช้จ่ายในรายการเหล่านี้ ซึ่งนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจบางภาคส่วน

3. ผลกระทบต่อการลงทุนทางธุรกิจ: ธุรกิจอาจลดขนาดการลงทุนเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจทำให้โครงการเงินทุนมีราคาแพงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้แผนการขยายธุรกิจและค่าใช้จ่ายด้านทุนลดลง

4. การควบคุมเงินเฟ้อ: สาเหตุหลักประการหนึ่งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อโดยการลดอุปสงค์และการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ FED ใช้การปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือนโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุอำนาจหน้าที่สองประการในด้านเสถียรภาพราคาและการจ้างงานที่ยั่งยืนสูงสุด

5. ผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบหลายอย่างต่อราคาสินทรัพย์ โดยทั่วไป อัตราที่สูงขึ้นจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร มีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนกองทุนออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น หุ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลงหรือผันผวนมากขึ้น

6. ผลกระทบจากสกุลเงิน: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถทำให้สกุลเงินของประเทศหนึ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งนำไปสู่การแข็งค่าของค่าสกุลเงิน สกุลเงินที่แข็งค่าขึ้นอาจมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและความสามารถในการแข่งขัน

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นขึ้นอยู่กับการประเมินสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและอำนาจหน้าที่สองประการ FED ติดตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ข้อมูลการจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อ และปัจจัยอื่นๆ อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของ FED นั้นถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยตลาดการเงิน นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจและสินทรัพย์ทางการเงิน ด้วยเหตุนี้ โดยทั่วไป FED จะสื่อสารความตั้งใจอย่างชัดเจนเพื่อจัดการความคาดหวังของตลาดและลดการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้น

#ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยต่อราคาทองคำ

ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยต่อราคาทองคำนั้นซับซ้อนและมีหลายแง่มุม ในอดีต มีความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่างอัตราดอกเบี้ยและราคาทองคำ หมายความว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาทองคำมักจะเผชิญกับแรงกดดันที่ลดลง นี่คือสาเหตุที่ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้น.

#ค่าเสียโอกาส: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทน ไม่จ่ายดอกเบี้ยหรือเงินปันผลใดๆ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น สินทรัพย์อื่นๆ เช่น พันธบัตรหรือเงินฝากธนาคารจะมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านี้ให้ผลตอบแทนและผลตอบแทนที่สูงกว่า ส่งผลให้นักลงทุนบางรายอาจเปลี่ยนเงินทุนจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีดอกเบี้ย #ทำให้อุปสงค์ทองคำลดลง และส่งผลให้ราคาทองคำลดลง

#สกุลเงินที่แข็งค่าขึ้น: เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น สกุลเงินของประเทศนั้นมักจะแข็งค่าขึ้น สกุลเงินที่แข็งค่าขึ้นทำให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทองคำในตลาดต่างประเทศลดลง

#การคาดการณ์เงินเฟ้อ: สาเหตุหนึ่งที่ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถส่งสัญญาณความเข้มงวดของนโยบายการเงิน ซึ่งอาจนำไปสู่การคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง เนื่องจากทองคำมักถูกมองว่าเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจึงอาจลดความต้องการทองคำลงได้

——————————————
***** อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับทองคำนั้นไม่ได้ตรงไปตรงมาเสมอไป และปัจจัยอื่นๆ ก็สามารถมีอิทธิพลต่อราคาทองคำได้เช่นกัน: *****
——————————————

#ความต้องการแหล่งหลบภัย: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือตลาดปั่นป่วน หากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาพร้อมกับข่าวเศรษฐกิจเชิงลบหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนอาจหันไปหาทองคำในฐานะแหล่งเก็บมูลค่าที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยชดเชยแรงกดดันด้านราคาทองคำที่ลดลงซึ่งเกิดจากอัตราที่สูงขึ้น

อารมณ์ตลาดและการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์: ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต่อราคาทองคำอาจได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ตลาด หากนักลงทุนเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป หรือธนาคารกลางอาจหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นนี้อาจส่งผลต่อราคาทองคำ

#สภาวะเศรษฐกิจโลก: ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายกันทั่วโลก และราคาของมันอาจได้รับอิทธิพลจากสภาวะเศรษฐกิจโลก ปัจจัยต่างๆ เช่น ความตึงเครียดทางการค้า เหตุการณ์ทางการเมือง และความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวมสามารถมีบทบาทในการกำหนดราคาทองคำได้เช่นกัน

สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าราคาทองคำได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ มากมาย และอัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงตัวแปรหนึ่งในหลายๆ ตัวแปร นักลงทุนควรพิจารณาภาพรวมทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่กว้างขึ้น รวมถึงการทำงานร่วมกันของกลไกตลาดที่แตกต่างกันเมื่อวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคาทองคำ เช่นเดียวกับการลงทุนใด ๆ จำเป็นต้องทำการวิจัยอย่างละเอียด พิจารณาเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และ
ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจ

#FED #Forex #Interest #Gold #XAUUSD #

😕😕💸💰💵💴💷💶
📈📊📉📝💹

Presented by : Ronin Alive 

Consumer Price Index หรือ CPI คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค เป็นตัวเลขทางสถิติที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ใช้วัดการเปลี่ยนเเปลงของราคาสินค้าเเละบริการที่ผู้บริโภคจับจ่ายเป็นประจำ

โดยแบ่งประเภทสินค้าและบริการ ออกเป็น 8 หมวดดังนี้

1. หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (Food and Non-alcoholic beverages)
2. หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า (Apparel)
3. หมวดเคหสถาน (Housing)
4. หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล (Medical and Personal Services)
5. หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร (Transportation and Communication)
6. หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษา และการศาสนา (Entertainment and Education)
7. หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (Tobacco and Alcoholic beverages)
8. หมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่ม (Other expenses non-food and non-beverages)

ประเภทของ CPI ดัชนีราคาผู้บริโภค

CPI ดัชนีราคาผู้บริโภคหลัก ๆ มี 2 ประเภท ได้แก่
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) คือ ดัชนีราคาที่รวมสินค้าทุกหมวดหมู่ เกี่ยวข้องกับโภคภัณฑ์ บริการ และสินค้าทั้งหมด
2. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) คือ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ และสินค้าทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจ หักสินค้าด้วยราคาเชื้อเพลิงและอาหารที่ผันผวน

วิธีคำนวณหาค่า CPI ดัชนีราคาผู้บริโภค
– รวบรวมราคาสินค้าเเละบริการในปีก่อนหน้า
– รวบรวมราคาสินค้าเเละบริการในปีปัจจุบัน
– เปรียบเทียบปีปัจจุบันเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยการหารแล้วเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์
ค่า CPI คำนวณจากราคาขายปลีกโดยเฉลี่ย เพื่อซื้อสินค้าและบริการ ณ เวลาที่สนใจ
โดยราคาขายปลีกโดยเฉลี่ย คือ มูลค่าสินค้าเเละบริการที่บริโภคทั้งหมด ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้เพื่อเป็นตัวชี้วัดในปีนั้น ๆ

วิธีวิเคราะห์ค่า CPI ดัชนีราคาผู้บริโภค
– CPI มีค่าบวก หมายถึง สินค้าและบริการมีราคาเพิ่มขึ้นมาก อัตราเงินเฟ้อเพิ่มมาก
– CPI มีค่าติดลบ หมายถึง สินค้าและบริการมีราคาเพิ่มขึ้นน้อย อัตราเงินเฟ้อเพิ่มน้อย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่า CPI ดัชนีราคาผู้บริโภค
1. ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น หรือ Cost-Push Inflation ซึ่งทำให้ราคาสินค้าและค่าบริการที่สูงขึ้น แล้วทำให้ค่า CPI มีค่าสูงขึ้นนั่นเอง
2. ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น หรือ Demand-Pull Inflation ความต้องการมาก เเต่สินค้าเเละบริการมีน้อย ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ อาจทำให้ CPI เพิ่มขึ้น
3. การใช้จ่ายของรัฐบาลและการเก็บภาษี หรือ Fiscal Policy อาจทำให้โครงสร้างต้นทุนของธุรกิจเปลี่ยนไป เเละส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการ
****************************************
การที่ตัวเลข CPI สูงขึ้นอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเงินเฟ้อซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อที่สูงอาจนำไปสู่การลดลงของกำลังซื้อของสกุลเงิน เช่นเดียวกับความเชื่อมั่น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง สิ่งนี้อาจทำให้ธุรกิจต่างๆ ลดการลงทุนและจ้างงาน ซึ่งนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย
***************************************

ค่า CPI เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นอย่างไร

1) ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น กำไรลด
เมื่อราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น
เมื่อธนาคารกลางมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลให้ต้นทุนในการกู้เงินของภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้ผู้ประกอบการมีกำไรลดลง
2) ราคาหุ้นลดล
ในสภาวะที่ตลาดผันผวนเมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนจะมีแรงจูงใจในการนำเงินมาฝากไว้กับธนาคาร และหันมาสนใจในการลงทุน ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องสูง
เช่น การฝากเงินหรือการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า การลง ทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนจึงมีการขายหุ้นออกมา ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ กว่าในช่วงที่เศรษฐกิจเกิดเงินเฟ้อ ทำให้ราคาหุ้นลดต่ำลงนั่นเอง
ดัชนี CPI นอกจากใช้เป็นเครื่องมือในการวัดอัตราเงินเฟ้อของประเทศแล้ว ยังใช้เป็นสัญญาณการลงทุนและจัดพอร์ตของนักลงทุน ช่วยให้นักลงทุนวางแผนกลยุทธ์ และจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมและเท่าทันเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปได้ เอาชนะเหนืออัตราเงินเฟ้อได้

การปรับเพดานหนี้ในสหรัฐอเมริกาอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำและน้ำมัน แม้ว่าผลกระทบเฉพาะเจาะจงจะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงของตลาด ข้อควรพิจารณาทั่วไปบางประการมีดังนี้

ความต้องการแหล่งหลบภัย: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือความไม่มั่นคงทางการเงิน หากมีความกังวลหรือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนพยายามปกป้องความมั่งคั่งของตน ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นได้

ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์: การปรับเพดานหนี้และผลกระทบทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หากการปรับถูกมองว่าเป็นลบหรือสร้างความไม่แน่นอน อาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากราคาทองคำจะค่อนข้างถูกกว่าสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ราคาทองคำที่สูงขึ้น

อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์: ราคาน้ำมันอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงอุปสงค์ทั่วโลกและภาวะเศรษฐกิจ หากการปรับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ถูกมองว่าส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลงและกดดันราคาน้ำมันได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าราคาน้ำมันยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุปทาน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการตัดสินใจในการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่

ความเชื่อมั่นของตลาดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้: การเปลี่ยนแปลงของเพดานหนี้และการพัฒนาทางการเมืองที่เกี่ยวข้องสามารถส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวมและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ หากการปรับสร้างความไม่แน่นอนหรือสร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อาจนำไปสู่การปิดความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน ในกรณีเช่นนี้ นักลงทุนอาจแสวงหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น ทองคำ และลดความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่า เช่น น้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นและราคาน้ำมันลดลง

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าปฏิกิริยาของตลาดต่อการปรับเพดานหนี้นั้นไม่สามารถคาดเดาได้และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะและอารมณ์ตลาดในขณะนั้น นอกจากนี้ เหตุการณ์และปัจจัยระดับโลกอื่นๆ ยังสามารถมีอิทธิพลต่อราคาทองคำและน้ำมันไปพร้อมๆ กัน

เพื่อให้ได้รับการประเมินที่แม่นยำยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคาทองคำและน้ำมันเนื่องจากการปรับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ขอแนะนำให้ติดตามพัฒนาการของตลาดอย่างใกล้ชิด ติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญ ในตลาดเหล่านี้

Jarn_vis 

Nonfarm Payrolls คือ ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ ตัวหนึ่งที่สำคัญของสหรัฐ ที่ประกาศทุกๆ วันศุกร์แรกของแต่ละเดือน ผ่านทางการรวบรวมตัวเลขทางสถิติการจ้างงานในภาคการบริการ, ก่อสร้าง, อุตสาหกรรม โดยไม่นับรวม ไปถึงการจ้างงานในภาคการเกษตร, ในครัวเรือน และในองค์กรไม่แสวงหากำไรโดยกรมสถิติแรงงานของสหรัฐ

ดัชนีนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1970 หรือคิดเป็นเวลาเกือบ 50 ปี โดยมีการเพิ่มขึ้นสูงสุดของการจ้างงานกว่า 1.115 ล้านตำแหน่ง ในเดือน ตุลาคม 1983 ซึ่งเป็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจละตินอเมริกาช่วงปี 1980 และการลดลงมากที่สุดคือ 699,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายนปี 2009 ที่ลดลงต่อเนื่องกว่า 14 เดือน นับตั้งแต่เกิดวิกฤติซับไพรม์ และค่อยๆ มีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากนั้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในภายหลัง

แสดงถึงอะไร?

ตัวเลขนี้เป็นการรวบรวมอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งหมายถึงปริมาณการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ใช้สะท้อนการขยาย หรือ หดตัวทางเศรษฐกิจผ่านทางการจ้างงานที่มีแนวโน้มลดหรือเพิ่ม

เนื่องจากในยามที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มดี หรือ ขยายตัวจะก่อให้เกิดการบริโภคสินค้าและบริการเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่กำลังแรงงานเดิมผลิตสินค้าและบริการเต็มกำลัง หรืออาจเกินกำลัง แต่ยังไม่สามารถตอบสนองทันต่อการบริโภคนั้นๆ ได้ จึงต้องมีการจ้างงานใหม่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการผลิตสินค้าและบริการที่จะต้องเพิ่มขึ้น

และยังสะท้อนรวมไปถึงมุมมองทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการในอนาคตว่ายังมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวต่อเนื่อง จึงมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนทางการผลิต แต่ผู้ประกอบการได้คำนวณแล้วว่า การจ้างงานเพิ่มซึ่งสร้างต้นทุนแรงงานเพิ่มนั้นจะช่วยให้กิจการของตนมีผลกำไรที่มากขึ้น

แต่ในกรณีตรงข้ามหากตัวเลขดังกล่าวติดลบ นั่นหมายถึงการที่เศรษฐกิจชะลอตัว การบริโภคน้อยลง และมุมมองต่อเศรษฐกิจที่ไม่ดีในอนาคต ทำให้ตัวเลข Nonfarm Payrolls จึงเป็นดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นอีกดัชนีสำคัญที่จะบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจในอนาคต ผ่านทางภาคธุรกิจที่มีการดำเนินงานจริง

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัย ที่เกี่ยวข้อง เช่นเศรษฐกิจของกลุ่ม EU , Asia ,ภาวะสงคราม และโรคระบาด

Hello เวริ์ล

Key Pain Points

Retail disruption

Brick-and-mortar retailers struggle in the face of e-commerce's growth and shifting consumer habits. Fashion brands must adapt by going online, creating engaging omnichannel experiences, and innovating to attract customers.

Counterfeiting

The fashion industry is plagued by counterfeiting, copyright infringement, and intellectual property theft. Protecting original designs and trademarks is crucial, but enforcement can be difficult in a global marketplace.

Changing consumer behavior

Consumer preferences are rapidly changing due to sustainability, social media, and personalization demands. Fashion brands must adapt with sustainable options, digital innovation, and personalized experiences.

เปิดพอร์ต กับโบรคเกอร์ที่ เชื่อถือได้ที่นี่

เปิดพอร์ต กับโบรคเกอร์ที่ เชื่อถือได้ที่นี่

เปิดพอร์ต กับโบรคเกอร์ที่ เชื่อถือได้ที่นี่

Shopping Cart
Scroll to Top